การทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อสามารถทำได้โดยใช้วิธีการทดสอบที่เรียกว่า "การทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อ (Hydrostatic Pressure Testing)" ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการตรวจสอบความคงทนของท่อต่ออุปกรณ์ท่อหรือระบบท่อต่างๆ ต่อไปนี้คือขั้นตอนการทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อ:
เตรียมอุปกรณ์และวัสดุที่จำเป็น:
ตรวจสอบข้อมูลทางเทคนิค:
การทดสอบ:
ตรวจสอบการรั่วซึม:
การทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อเป็นกระบวนการที่ต้องมีความระมัดระวัง เนื่องจากความสูงของแรงดันที่ใช้ หากไม่ทำอย่างถูกต้องอาจทำให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายกับท่อ ดังนั้นควรระมัดระวังในการดำเนินการและปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
ภาพระหว่างทดสอบน้ำพร้อมเปรียบเกจวัดน้ำ
การทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อของการประปาส่วนภูมิภาค ได้ถูกกำหนดไว้ในเรื่อง การทดสอบท่อส่งน้ำ/ท่อจ่ายน้ำที่วางใหม่ จะเป็นการทดสอบหารอยรั่วและทนแรงดันร้ำในแนวเส้นท่อรวมถึงอุปกรณ์ตามที่ออกแบบ โดยเพื่อให้ได้ค่าทดสอบ 2 ค่าคือ
- การทดสอบความดันน้ำในเส้นท่อ (Pressure Test)
- การทดสอบการรั่วซึม (Leakage Test)
โดยให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตรฐาน AWWA C603 "lnstallation of Asbestos Cement Pressure Pipe" สำหรับท่อซีเมนต์ใยหิน ท่อพีวีซี (PVC) หรือมาตรฐาน AWWA C600 "lnstallation of Ductile iron Water Mains and Appurtenances" สำหรับท่อเหล็ก หรือมาตรฐาน SFS 3115 : E "Plastic Pipes Water tightness Test for Pressure Pipelines" สำหรับท่อเอชดีพีอี (HDPE) หรือภายใต้การควบคุมของผู้ว่าจ้างหรือผู้แทนผู้ว่าจ้างนั้นเอง
มีขั้นตอนการทดสอบหลักๆ ดังนี้:
การเตรียมการทดสอบ: การเตรียมการทดสอบรวมถึงการเลือกท่อตัวอย่างและเตรียมพื้นที่ทดสอบ การตรวจสอบความถูกต้องของอุปกรณ์ทดสอบ และการเตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมสำหรับการทดสอบ
การทดสอบแรงดัน: ท่อจะถูกตรวจสอบโดยการใช้แรงดันของน้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเริ่มจากแรงดันต่ำและเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้รับแรงดันที่กำหนด
การตรวจสอบการรั่วไหล: การตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำที่ตรงกับมาตรฐาน ซึ่งสามารถทำได้โดยการตรวจสอบการรั่วไหลที่จุดต่อและส่วนที่เป็นจุดอ่อนของท่อ
การตรวจสอบความแข็งแรง: การทดสอบการแข็งแรงของท่อซึ่งอาจรวมถึงการทดสอบการทนทานต่อแรงกระแทกหรือแรงดันของน้ำที่สูง
1.การทดสอบท่อซีเมนต์ใยหิน ท่อพีวีซี ท่อเหล็ก ท่อเหล็กหล่อเหนียวหรือระบบท่อที่มีส่วนประกอบของท่อเหล่านี้
- ให้ใช้แรงดันทดสอบ 0.60 +/- 0.2 เมกะพาสคัล (6.0+/- 0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) สำหรับท่อซีเมนต์ใยหิน ท่อพีวีซี
- ให้ใช้แรงดันทดสอบ 1.00 +/- 0.02 เมกะพาสคัล (10.0+/- 0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) สำหรับท่อเหล็ก
ในการทดสอบต้องคงความดันนี้ให้ได้ไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง หากการทดสอบให้ผลไม่เป็นไปตามมาตรฐานการทดสอบ ผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนผู้ว่าจ้าง มีสิทธิ์ที่จะสั่งการให้ทำการทดสอบต่อไปได้
ปริมาณการรั่วซึมสูงสุดที่ยอมได้ ให้ใช้สูตรคำนวณดังต่อไปนี้
L=(ND)(10P)^1/2 / 18,000
L = ปริมาณการรั่วซึมที่ยอมให้เป็นลิตรต่อชั่วโมง
N = จำนวนของข้อต่อ (ข้อต่อที่ใช้แหวนยางสองชั้นให้นับเป็นสองข้อต่อ แต่ถ้ามีแหวนยางอื่นเพิ่มขึ้นอีกไม่ต้องนับ)
P = ความดันระหว่างการทดสอบเป็นเมกะพาสคัล
D = เส้นผ่านศูนย์กลางของท่อเป็นมิลลิเมตร
ภาพระหว่างทดสอบน้ำพร้อมเปรียบเกจวัดน้ำ
2.การทดสอบท่อเอชดีพีอี HDPE ให้ทดสอบตามขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ให้ใช้แรงดันทดสอบดังนี้
- แรงดันทดสอบไม่น้อยกว่า 0.77 +/- 0.02 เมกะพาสคัล (7.7+/- 0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) สำหรับท่อเอชดีพีอี PN10
- แรงดันทดสอบไม่น้อยกว่า 0.62 +/- 0.02 เมกะพาสคัล (6.2+/- 0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) สำหรับท่อเอชดีพีอี PN8
- แรงดันทดสอบไม่น้อยกว่า 0.49 +/- 0.02 เมกะพาสคัล (4.9+/- 0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) สำหรับท่อเอชดีพีอี PN6
โดยมีระยะเวลาการทดสอบ 2+0.1ชั่วโมง เมื่อแรงดันในท่อลดลงมากกว่า 0.02 เมกะพาสคัล (0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) ให้เติมน้ำเข้าไปจนได้แรงดันทดสอบ
การทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อ
ขั้นตอนที่ 2 เพิ่มแรงดันทดสอบเท่ากับ 1.3 เท่า ของแรงดันทดสอบขั้นตอนที่ 1 ภายในเวลาไม่เกิน 6 นาที โดยใช้เครื่องสูบน้ำตามผู้ว่าจ้างหรือตัวแทนผู้ว่าจ้างกำหนด
- แรงดันทดสอบไม่น้อยกว่า 1.0 +/- 0.02 เมกะพาสคัล (10.0 +/- 0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) สำหรับท่อเอชดีพีอี PN10
- แรงดันทดสอบไม่น้อยกว่า 0.8 +/- 0.02 เมกะพาสคัล (8.0 +/- 0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) สำหรับท่อเอชดีพีอี PN8
- แรงดันทดสอบไม่น้อยกว่า 0.64 +/- 0.02 เมกะพาสคัล (6.4 +/- 0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) สำหรับท่อเอชดีพีอี PN6 (PE100)
โดยมีระยะเวลาการทดสอบ 2+0.1ชั่วโมง เมื่อแรงดันในท่อลดลงมากกว่า 0.02 เมกะพาสคัล (0.2 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร) ให้เติมน้ำเข้าไปจนได้แรงดันทดสอบ
ขั้นตอนที่ 3 ลดแรงดันในเส้นท่อให้เหลือเท่ากับแรงดันในขั้นตอนที่ 1 ภายในเวลาไม่น้อยกว่า 6 นาที แล้วปิดประตูน้ำทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จึงวัดปริมาณน้ำที่เติมเข้าไปเพื่อให้แรงดันในท่อเท่ากับแรงดันในขั้นตอนที่ 1 ปริมาณน้ำ (ลิตรต่อกิโลเมตรต่อชั่วโมง) ที่เติมไปนั้นจะต้องไม่เกินค่าที่กำหนด
เกจวัดน้ำที่มีแรงดันออกจากท่อ
1.เกจวัดแรงดันแบบน้ำมัน ที่มีความละเอียดสูง ความดัน 0-10 Bar หรือตามชนิดแรงดันที่ทดสอบ
2.เครื่องสูบน้ำแบบลูกสูบเพื่อให้สามารถอัดน้ำเข้าเส้นท่อได้ ตามแรงดันที่กำหนด
3.ข้อต่อหน้าจานตาดี ตาบอด ประตูน้ำ สำหรับเปิด/ปิดน้ำ และอัดน้ำเข้าในเส้นท่อ
ป้ายตารางทดสอบน้ำ
ภาพระหว่างทดสอบน้ำในเส้นท่อภายโรงงานก่อนติดตั้งอุปกรณ์
ภาพระหว่างทดสอบน้ำในเส้นท่อ hdpe 630 mm
ภาพระหว่างทดสอบน้ำในเส้นท่อ hdpe เวลากลางคืน
การทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่ออาจเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ เช่น:
การสะสมแรงดัน: เมื่อทดสอบแรงดันในเส้นท่อ เราต้องมีวิธีการสะสมแรงดันให้เข้าสู่เส้นท่ออย่างปลอดภัยโดยไม่เป็นอันตรายสำหรับคนทำงานและสิ่งของรอบข้าง การสะสมแรงดันในเส้นท่อที่มีขนาดใหญ่และแรงดันสูงอาจเป็นปัญหาที่ซับซ้อน
การสูญเสียแรงดัน: ในกระบวนการทดสอบแรงดันน้ำ อาจเกิดการสูญเสียแรงดันที่ไม่ควรเกิดขึ้น เช่น การสูญเสียแรงดันผ่านคอกหรือข้อต่อที่รั่วไหล ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ของการทดสอบไม่ถูกต้อง
ความถูกต้องของอุปกรณ์: อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบจำเป็นต้องมีความถูกต้องและมีคุณภาพสูง เพื่อให้ผลการทดสอบมีความเชื่อถือได้ การสอบถามความถูกต้องของอุปกรณ์เป็นสิ่งสำคัญในการทดสอบแรงดันน้ำ
ความปลอดภัย: การทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของคนทำงาน การรักษาความปลอดภัยในการทำงานด้วยการใช้อุปกรณ์ป้องกันสำคัญอย่างยิ่ง
การวัดแรงดันอย่างแม่นยำ: การวัดแรงดันน้ำอย่างแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดแรงดันจะต้องสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายได้โดยไม่เกิดความเสียหายหรือความผิดพลาด
อุณหภูมิของอากาศ : อุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญในการส่งผลต่อคุณภาพของท่อในประเภทพลาสติก จึงต้องมีการระวังอย่างมากในการทดสอบ
การทดสอบแรงดันน้ำในเส้นท่อเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องมีการวางแผนและการปฏิบัติอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและปลอดภัย การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการนี้.
ท่อ hdpe บวมจากอุณหภูมิของอากาศและน้ำส่งผลให้เสียสภาพการรับแรงดันในเส้นท่อ